เว็บเดิมพันออนไลน์ สมัครเว็บพนัน ยูฟ่าเบท อธิบายเกี่ยวกับเกม ไพ่โป๊กเกอร์ ที่เหล่าเซียนเดิมพัน ได้กำไรกลับบ้านกันเป็นกอบเป็นกำ
สารบัญ
สมัครเว็บพนัน ยูฟ่าเบท Poker คืออะไร
เกมไพ่โป๊กเกอร์ หรือภาษาอังกฤษว่า “Poker” คือ เกมเดิมพันไพ่รูปแบบหนึ่ง ที่มีผู้เล่นมากกว่า 2 คนขึ้นไป มีผู้ชนะภายในเกมมากกว่า 1 คน หรือเสมอ เป็นเกมเดิมพันไพ่ที่นิยมเล่นมากที่สุดของโลก เพราะความไม่ซับซ้อนในการเล่น และต้องใช้ความคิดในการตัดสินใจ โป๊กเกอร์ เป็นเกมเดิมพันที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการเล่น ดวง ศาสตร์ความน่าจะเป็น และจิตวิทยาระหว่างผู้เล่น หากต้องการที่จะทำกำไร เพราะการเล่นในแต่ละเกมผู้เล่นไม่ได้แค่ลงเงินเดิมพัน และเทียบไพ่บนโต๊ะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผู้เล่นยังต้องหลอกล่อ บลัฟด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การลงเงินเพิ่มเพื่อข่มให้อีกฝ่ายยอมทิ้งไพ่ แม้ผู้เล่นแต้มไม่ได้สูงมากนัก หรือแม้แต่การใช้สีหน้าในการหลอกปั่นป่วนผู้เล่นอื่น ๆ ที่เรียกว่าการทำ “Poker face” เป็นต้น
ประวัติความเป็นมาของเกม ไพ่โป๊กเกอร์ สมัครเว็บพนัน ยูฟ่าเบท
มีหลายเรื่องราวเกี่ยวกับเกมไพ่โป๊กเกอร์ ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าใคร เป็นผู้เริ่มเกมไพ่โป๊กเกอร์นี้ขึ้นมา แต่เรื่องราวที่ยอมรับกันทั่วไปคือ โป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่ถูกดัดแปลงมาจากเกมไพ่อื่น จนมาเป็นโป๊กเกอร์ในปัจจุบัน จะแยกแต่ละความเชื่อให้ดูง่าย ๆ ดังนี้
- หลายคนเชื่อว่า เกมไพ่โป๊กเกอร์ มาจากประเทศจีน ในช่วง คริสต์ศักราช 900 เหมือนกับเกมคาสิโนชนิดอื่น ๆ เริ่มต้นจากการเล่นโดมิโน่โดยการทำสัญลักษณ์ที่ปลายไม้ชิ้นเล็ก ต่อมา จักรพรรดิ มู ซุง ได้เริ่มคิดค้นไพ่โป๊กเกอร์ขั้นมาในปี คริสต์ศักราช 969
- อีกความเชื่อหนึ่งที่เชื่อกันว่า ที่ประเทศเยอรมัน ก็มีเกมที่เรียกว่า “Poshspiel” คล้ายไพ่โป๊กเกอร์เหมือนกัน และอีกความเชื่อหนึ่ง ไพ่โป๊กเกอร์ดัดแปลงมาจากไพ่ของประเทศอินเดียที่เรียกว่า “Ganjifa” ที่มีกติกาคล้าย ๆ กับไพ่โป๊กเกอร์
- ความเชื่อที่มีหลักฐานใกล้เคียงมากที่สุด นั่นก็คือ เกมไพ่โป๊กเกอร์ เริ่มต้นที่ประเทศฝรั่งเศสในชื่อ “Pogue” เริ่มต้นใน ศตวรรษที่ 15 และมีจำนวนไพ่เริ่มต้น 52 ใบ มี 4 ดอก มีการวางเดิมพัน และมีการลักไก่ (Bluff) เหมือนเกมไพ่โป๊กเกอร์ในปัจจุบัน
หลังจากนั้นเกมไพ่นี้ ได้เผยแพร่ไปถึงประเทศแคนนาดา และสหรัฐอเมริกา แล้วได้รับความนิยม ทั้งเป็นเกมที่ทหารสงครามใช้เล่นกันในเวลาว่างจากสงคราม หลังจากปี คริสต์ศักราช 1834 คนอเมริกาได้เปลี่ยนชื่อเกมไพ่นี้เป็น ไพ่โป๊กเกอร์ โดย “๋Jonathan H Green”
สมัครเว็บพนัน ยูฟ่าเบท Poker เป็นการพนัน หรือกีฬา ?
อย่างที่กล่าวไปว่า เกมไพ่โป๊กเกอร์ นั้นใช้ทั้งความเชี่ยวชาญ ดวง ความน่าจะเป็น และจิตวิทยา ซึ่งเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากกว่าเกมเดิมพันในแบบอื่น ๆ นักกีฬาโป๊กเกอร์ Jmarcel เคยกล่าวว่า “ถ้าโป๊กเกอร์เป็นการพนันจริง ทำไมผมสามารถทำเป็นอาชีพได้ แถมมีรายได้เลี้ยงชีพทุกเดือน มันคือการลงทุนชนิดหนึ่งต่างหาก ไม่ใช่การพนัน” โดยถ้าเปรียบเทียบเหมือนกับเกมที่นิยมในสมัยปัจจุบัน โป๊กเกอร์ก็จะเหมือนกับกีฬา E-Sport
ปัจจุบันคนยอมรับเกมไพ่โป๊กเกอร์กันมากขึ้น เกมไพ่โป๊กเกอร์เคยถูกเสนอให้บรรจุในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ และช่องโทรทัศน์ ESPN ได้ขอซื้อลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดการแข่งขัน
สมัครเว็บพนัน ยูฟ่าเบท แต้มไพ่ของเกม Poker
เกมไพ่ Poker กำหนดคำย่อสากลของไพ่แต่ละใบดังนี้
- คำย่อ A – Ace (เอซ) หรือแต้ม 1
- คำย่อ K – King
- คำย่อ Q – Queen
- คำย่อ J – Jack
- คำย่อ T – Ten หรือสิบ
- คำย่อ Point – คือ แต้มตามหน้าไพ่ 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9
อันดับของไพ่เรียงจาก มากไปหาน้อย จะเรียงจาก A K Q J T 9 8 7 6 5 4 3 2 โดยเอซแทนเลข 1 ได้เช่นกัน โดยเรียงลำดับความใหญ่ของดอกไพ่ คือ โพธิ์ดำ, หัวใจ, ข้าวหลามตัด, และดอกจิก
ศัพท์ของเกมไพ่ Poker ที่ใช้ดำเนินเกม
ในการเดิมพันไพ่โป๊กเกอร์ จะมีศัพท์ที่ในการดำเนินเกมมากมายตลอดทั้งเกม เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าคำไหนแปลว่าอะไร จะเดิมพันไพ่ Poker มีศัพท์ที่ต้องรู้ดังนี้
- บิ๊กบลายด์ (Big blind) นั่นก็คือผู้เล่นที่จะต้องลงเงินเดิมพันแบบเต็มจำนวน โดยจะเปลี่ยนคนเรื่อย ๆ วนกันไปเป็นวงกลมจากทางซ้ายของเจ้ามือ
- สมอลบลายด์ (Small blind) นั่นก็คือผู้เล่นที่จะต้องลงเงินเดิมพัน จำนวนครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพันขั้นต่ำสุด จะวนเปลี่ยนคนไปเรื่อย ๆ เช่นกัน โดย Small blind จะตามหลัง Big blind นั่นเอง
- เจ้ามือ (Dealer) นั่นก็คือผู้เล่นที่ได้รับแต่งตั้งในเป็นเจ้ามือภายในเกมนี้ แต่ไม่ได้แจกไพ่ แค่ได้ลงเดิมพันเป็นคนสุดท้าย เป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างได้เปรียบนิดหน่อย แน่นอนว่าวนเปลี่ยนคนไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
- บอร์ด (Board) นั่นก็คือไพ่ที่หงายในเกม
- เงินกองกลาง (Pot) – คือจำนวนเงินเดิมพันทั้งหมดบนโต๊ะ เป็นเงินที่เราจะได้เมื่อชนะการเดิมพัน
- สู้ (Call) – คือ วางเดิมพันเท่ากับจำนวนเงินเดิมพันสูงสุดตอนนี้
- หมอบ (Fold) – คือ การทิ้งไพ่บนมือของผู้เล่น หากคิดว่าไพ่ไม่ดีพอที่จะเล่น
- ผ่าน (Check) – หากไม่มีการเดิมพันเพิ่มเติม สามารถผ่าน เพื่อรอดูว่าจะมีคนอื่นเดิมพันเกเพิ่มอีกหรือไม่ ถ้าไม่เกมจะเล่นรอบต่อไป
- เกทับ (Raise) – เป็นการเพิ่มจำนวนเงินเดิมพัน จากยอดเดิมพันปัจจุบัน
- เทหน้าตัก (All – in) – คือการเดิมพันด้วยจำนวนเงินทั้งหมด รวมเงินเดิมพันก่อนหน้า กรณีที่มีชิปไม่พอที่จะสู้ เงินเดิมพันใด ๆ ที่วางหลังจากนี้จะอยู่นอกกองกลาง เรียกว่า ไซด์พ็อต และจะไม่เกี่ยวข้องกับเงินไซด์พ็อตนี้ เมื่อมีผู้เล่นชนะการเดิมพันจะได้เงินจากกองกลางเท่านั้น ไม่ได้เงินในส่วนของไซด์พ็อตนั่นเอง
- ฟล็อบ (Flob) – คือไพ่ 3 ใบแรกที่ผู้ดำเนินการหงายบนโต๊ะ
- เทิร์น (Turn) – คือไพ่ใบที่ 4 ที่หงายบนโต๊ะรอบที่ 2
- เริเวอร์ (River) – คือไพ่ใบสุดท้ายที่หงายบนโต๊ะ
- ตัวคุม (Kicker) – ไพ่จำนวนแต้มสูงที่อยู่กับไพ่คู่ หรือ 2 คู่
- มัคการ์ด (Muchked cards) – คือการทิ้งไพ่ โดยไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นเห็นไพ่ใบนั้น
- นัท (Nuts) – คือมือไพ่ที่ดีที่สุดในเกมเดิมพันนั้น ๆ เป็นมือที่ชนะบ่อยครั้ง
- ฟิช (Fish) – คือผู้เล่นที่อ่อนที่สุดในโต๊ะ เป็นคนที่เสียเงินจำนวนมากที่สุดในเกมเดิมพันนั้น ๆ
- รอบการวางเดิมพัน (Rounds of betting) – คือรอบของการวางเดิมพันที่จบลงหลังหมอบ เพิ่ม หรือสู้กันแล้ว
- อัตราหักเงินกลองกลาง (Rake) – คือเงินที่คาสิโนหัก จากจำนวนเงินของกองกลางทุกครั้ง เป็นค่านายหน้านั่นเอง
กติกาหลักของเกมไพ่ Poker
แต่ละเกมเดิมพันของไพ่โป๊กเกอร์ จะมีรอบเล่นหลายรอบให้เดิมพัน โดยการเดิมพันจะเริ่มเดิมพันตั้งแต่ก่อนที่จะแจกไพ่ และหลังจากแจกไพ่จนกว่าไพ่จะครบตามกฎของชนิดโป๊กเกอร์นั้น ๆ แล้วจะนำไพ่มาผสมกันเป็นไพ่จำนวน 5 ใบ นำไปเทียบกับลำดับไพ่โป๊กเกอร์ เพื่อวัดคะแนนว่าผู้เล่นคนใดได้คะแนนมากที่สุด จะเป็นการจบ 1 เกมเดิมพัน แต่ละเกมจะมีผู้ชนะเพียงแค่คนเดียว หรือเสมอนั่นเอง
- ในการเริ่มเกมเดิมพันไพ่โป๊กเกอร์ทุกชนิด จะเริ่มต้นจาก dealer หรือผู้แจกไพ่ ทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคนบนโต๊ะถือไว้บนมือ (Hold card)
- หลังจากผู้เล่นทุกคนได้ไพ่ครบตามจำนวนแล้ว ผู้ที่เริ่มเล่นก่อนก็คือคนที่อยู่ทางซ้ายของ Big blind (ในกรณีที่เป็นการเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์แบบแจกไพ่ flop)
- เมื่อผู้เล่นได้เปิดดูไพ่ของตัวเองแล้ว มีทางเลือก 1 ใน 4 ทางดังนี้
- Fold – คือ การหมอบ หรือทิ้งไพ่บนมือ เพราะไม่ต้องการเล่นในเกมนั้น
- Call – คือ การวางเงินเดิมพันตามจำนวนชิปเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในรอบ
- Raise – คือ การเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะเดิมพัน ตามกฎหากมีผู้เล่น raise ผู้เล่นอื่นจะต้อง call เพื่อเพิ่มชิปเดิมพันให้มีจำนวนเท่ากัน หรือ raise เพื่อเพื่มจำนวนเงินเดิมพันขึ้นไปอีกหรือ fold เมื่อไม่ต้องการเล่นต่อ
- Check – คือ การขอผ่าน เมื่อชิปเดิมพันของผู้เล่นเท่ากับชิปเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในขณะนั้น แล้วผู้เล่นไม่ต้องการลงเงินเดิมพันเพิ่มอีก ถ้าผู้เล่นทุกคน check จนครบ ผู้แจกไพ่จะแจกไพ่เพิ่มเป็นการเริ่มรอบต่อไป ปกติผู้เล่นจะส่งสัญญาณด้วยการเคาะโต๊ะนั่นเอง
- ผู้เล่นที่ยังไม่ทิ้งไพ่ในมือ ทำการเล่นด้วย 4 ตัวเลือกข้างบนเช่นเดิม เมื่อเล่นกันเสร็จ ก็จะไปรอบต่อไป ผู้แจกไพ่จะทำการแจกไพ่กองกลางใบที่ 4 ต่อ เรียกว่า Turn และเข้าสู้การเดิมพันในรอบต่อไป
- พอเล่นวนจนถึงรอบสุดท้าย ผู้แจกไพ่จะทำการแจกไพ่กองกลางใบสุดท้ายที่เรียกว่า river และจะเป็นการเดิมพันรอบสุดท้ายในเกมนั้น
- เมื่อจบรอบสุดท้ายผู้เล่นที่เหลือจะต้องเปิดไพ่ในมือ เพื่อเทียบคะแนนของไพ่ ว่าผู้เล่นคนใดจะผสมไพ่ 2 ใบบนมือ กับไพ่ 5 ใบบนโต๊ะ ได้ไพ่ที่มีคะแนนมากที่สุด
ลำดับไพ่ Poker
ในเกมไพ่โป๊กเกอร์ ลำดับไพ่โป๊กเกอร์ มีความสำคัญอย่างมาก นอกจากแต้มที่ไพ่แล้ว การเรียงไพ่ให้ได้ตามลำดับ ถือเป็นเป้าหมายหลักเลย ยิ่งเรียงไพ่ได้แต้มดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสชนะการเดิมพันมากขึ้นในตานั้น ๆ ซึ่งเกมไพ่โป๊กเกอร์ทุกเกม จะอิงการเรียงไพ่นี้ทั้งหมด ไพ่ไหนคะแนนเป็นยังไงไปดูกัน เรียงจากการเรียงไพ่ที่ทีคะแนนสูงสุด ไปถึงคะแนนน้อยที่สุด
Kicker หรือเรียกว่าตัวคุม จะเรียกใช้กรณีที่ไพ่มีจำนวนคะแนนเท่ากัน ตัวคุมนี้ก็คือไพ่ใบที่มีแต้มสูงที่สุด ที่นอกเหนือจากไพ่ที่เราผสมเป็นชุดไพ่วัดลำดับคะแนน เช่นคู่ Ace เหมือนกัน (กรอบสีฟ้า) ไพ่ใบที่เหลือจะเป็นตัววัดว่าตัวคุม (วงสีแดง) ใครใหญ่กว่า ดังภาพ ทำให้คู่ Ace, 7 ชนะ เพราะตัวคุม 7 แต้มใหญ่กว่า 2 แต้มนั่นเอง
Royal Straight Flush – คือไพ่ที่เรียงกันด้วย Ace, K, Q, J, 10 ที่เป็นดอกเดียวกันทั้งหมด เป็นการเรียงไพ่ที่ใหญ่ที่สุด ไพ่แบบนี้มีโอกาสออกน้อยมาก ๆ ถ้าไม่ดวงเฮงจริง ๆ คงไม่ออกมาเลย โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 0.00015% เลยก็ว่าได้
Straight Flush – คือไพ่ที่เรียงกันจำนวน 5 ใบด้วยดอกเดียวกันทั้งหมด และมีโอกาสที่จะออกยากมาก แต่ก็มีโอกาสเห็นกันได้อยู่บ้าง โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 0.0015%
Four of kind – คือไพ่ที่มีแต้มเดียวกันจำนวน 4 ใบเรียงกัน โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 0.024%
Full House – คือไพ่เรียงด้วยไพ่ตอง 1 ชุด และ ไพ่คู่อีก 1 ชุด ถ้าผลออกมาเท่ากับผู้เล่นคนอื่น ให้ตัดสินจากเลข ตองก่อน แล้วดูที่ไพ่คู่ว่าใครใหญ่กว่า โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 0.14%
Flush – คือไพ่ที่มีดอกเดียวกันทั้งหมด แบบไม่ได้เรียงลำดับจำนวนเลขไพ่ ถ้ามีผู้เล่นคนอื่นออกเหมือนกัน ให้นับตัวใหญ่สุดเป็นตัว Kicker โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 0.2%
Straight – คือไพ่ที่เรียงลำดับเลข 5 ใบ แบบดอกใดก็ได้ ถ้ามีผู้เล่นคนอื่นออกเหมือนกัน ให้นับตัวที่ใหญ่สุดเป็นตัว Kicker โดย Ace ถือเป็นได้ทั้งแต้มใหญ่สุด หรือเล็กสุด โดย ถ้าเรียงไพ่แบบ A, K, Q, J, 10 จะถือว่า Ace ใหญ่ที่สุด แต่ถ้า 5, 4, 3, 2, A จะถือว่า Ace เล็กที่สุดนั่นเอง โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 0.39%
Three of kind – คือไพ่ที่มีแต้มจำนวนเดียวกัน 3 ใบเรียงกัน ถ้าผู้เล่นคนอื่นออกเหมือนกัน ให้ดูไพ่อีก 2 ตัวที่เหลือเป็นตัว Kicker โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 2.1%
Two Pair – คือไพ่คู่จำนวน 2 คู่ ถ้ามีผู้เล่นคนอื่นออกเหมือนกัน ให้ดูคู่แรกก่อน และคู่ที่สองตามลำดับ ถ้าเหมือนกันอีก ให้ดูตัวสุดท้ายเป็น Kicker โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 4.75%
One pair – คือคู่เดียว เป็นไพ่ที่ออกบ่อยมากที่สุด นับว่าคู่คนไหนที่หญ่กว่า แต่ถ้าออกแต้มเท่ากัน ให้ดูไพ่ที่เหลือ ว่าคนไหนใหญ่กว่าเป็น Kicker โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 42%
High Card – คือไพ่แต้มสูง ในกรณีไพ่ไม่ตรงกับการเรียงแบบไหนเลย ผู้เล่นคนไหนที่มีแต้มสูงกว่าชนะ ถ้าแต้มเท่ากันให้ดูใบถัดไป แต่ถ้ายังเท่ากันอีก แบ่งเงินกองกลาง โอกาสที่ไพ่แบบนี้จะออก อยู่ที่ 50%
สรุปคะแนนของไพ่โป๊กเกอร์ เรียงจากคะแนนมากที่สุด ไปน้อยที่สุดดังนี้ Royal flush > Straight Flush > Four of kind > Full House > Flush>Straight > Three of kind > Two pair > One pair > High card
วิธีเล่นเกมไพ่ Poker
เกมไพ่โป๊กเกอร์เป็นเกมไพ่ที่มีผู้เล่น 2 ถึง 10 คน แต่ละชนิดของโป๊กเกอร์จะมีวิธีเล่น และกติกาแตกต่างกันไป แต่จะมีกติกาพื้นฐานเดียวกัน ก่อนจะเริ่มเกมเดิมพัน ผู้เล่นจะต้องลงเงินเดิมพันแบบบังคับตามกฎของเกมนั้น ๆ และจะได้รับไพ่เพื่อเล่น ส่วนการเริ่มเล่นจากใครนั้นขึ้นอยู่กับว่าเกมนั้นมีข้อกำหนดอย่างไร เช่น มีการแจกไพ่กองกลาง จะให้ผู้เล่นถัดจาก Big blind (ผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเดิมพันขั้นต่ำ) หรือแบบไม่มีการแจกไพ่กองกลาง (flop) จะวัดกันที่แต้มของไพ่ เป็นต้น วิธีเล่นโป๊กเกอร์แบ่งตามวิธีเล่นได้ 2 รูปแบบ ได้แก่
- Tournament – เป็นการแข่งขันที่หาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว เล่นกับผู้เล่นสะสมชิปไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะชนะการเดิมพันผู้เล่นทั้งหมด ก็คือเหลือแค่คนเดียวที่จะได้เงินรางวัลบนโต๊ะนั้นไป การเดิมพันรูปแบบนี้จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าแข่งขัน
- Cash game – เป็นการเดิมพันโดยใช้ชิป หรือเงินสด ในการเล่น ผู้เล่นจะกำหนดเงินเดิมพันขั้นต่ำสุด หรือสูงสุดตามที่ได้ตกลงกันในโต๊ะ หรือผู้แจกไพ่เป็นผู้กำหนดก่อนเล่น การเล่นสามารถเข้าเล่น และลุกออกจากโต๊ะได้ตลอดเวลา และต่อให้ผู้เล่นเงินหมดจนลุกออกไปแล้ว ก็สามารถกลับเข้ามาเล่นต่อที่โต๊ะเดิมได้ ถ้าหากผู้เล่นมีเงินจะเล่นอีก
เกมไพ่โป๊กเกอร์แต่ละชนิด จะมีกติกาเล่นที่แยกย่อยไปอีก ซึ่งแอดจะมาแยกและอธิบายเกมไพ่โป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ละเกมมีวิธีเล่นดังนี้
Texus Hold’em
โป๊กเกอร์ โฮลเอ็ม เป็นโป๊กเกอร์ที่มีนักเดิมพันนิยมเล่น และรู้จักมากที่สุด เพราะมีความเล่นง่าย ไม่มีรายละเอียดยุ่งยาก วิธีเล่น Poker ชนิดนี้ผู้เล่นที่ไม่เคยเล่น ก็ศึกษาการเล่นได้ไม่ยาก ที่เหลือขึ้นอยู่กับ ดวง ความเชี่ยวชาญ และจิตวิทยาของผู้เล่นเลย โป๊กเกอร์โฮลเอ็มใน 1 เกมมีวิธีเล่นดังต่อไปนี้
- ก่อนเริ่มเกมเดิมพัน – ผู้เล่น Big blind (ผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเงินเดิมพันขั้นต่ำ) และ Small blind (ผู้เล่นที่ถูกบังคับลงเงินเดิมพันครึ่งหนึ่งของขั้นต่ำ) วางชิปเดิมพันตามกฎ และผู้เล่นท่านอื่น ๆ จะ raise (เกทับ) / fold (ทิ้งไพ่) / call (เดิมพันตาม) แข่งขันกัน เมื่อ call จนไม่มีผู้เล่นคนไหนลงเพิ่มแล้ว ก็จะเข้าสู่รอบถัดไป
- รอบแรก – ดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทั้งหมด คนละ 2 ใบแบบคว่ำหน้า (Hold cards) เมื่อผู้เล่นดูไพ่ที่อยู่ถัดจาก Big blind จะได้เริ่มเล่นก่อน
- รอบที่สอง – หลักจากรอบแรก ดีลเลอร์จะแจกไพ่ 3 ใบบนโต๊ะ เรียกว่า Flop ผู้เล่นจะเริ่มเดิมพันกันหลังจากเสร็จ จะเป็นรอบที่ผู้เล่นเริ่มเล่นกันจริงจัง และมีการบลัฟกันเกิดขึ้น เมื่อจบการเล่นระหว่างผู้เล่น จะเข้าสู่การเดิมพันในรอบถัดไป
- รอบที่สาม – ดีลเลอร์ทำการแจกไพ่ใบที่ 4 บนโต๊ะเรียกว่า Turn ผู้เล่นก็จะแข่งขันกันเช่นเดิม
- รอบสุดท้าย – ดีลเลอร์ทำการแจกไพ่บนโต๊ะใบที่ 5 เรียกว่า River เป็นไพ่ใบสุดท้ายในเกมเดิมพัน มาถึงจุดนี้ผู้เล่นจะแข่งขันกันเช่นเดิม เมื่อเดิมพันกันเสร็จ ผู้เล่นที่กำลังเล่นรอบนี้อยู่ต้องทำการโชว์ไพ่ (Showdown) เพื่อวัดแต้มไพ่กัน
- จบเกม – เมื่อจบเกมการเดิมพัน Button (สัญลักญณ์แทนตำแหน่ง Big blind, Small blind, Dealer) จะเลื่อนไปตามเข็มนาฬิกา เพื่อให้ผู้เล่นทุกท่านได้เป็นทุกตำแหน่ง
ผู้เล่นที่ชนะการเดิมพัน จะได้เงินเดิมพันบนโต๊ะทั้งหมด (Pot) ไป ยกเว้นมีการเทหมดหน้าตัก (All – in) เกิดขึ้น เมื่อมีผู้เล่นบางคนเงินเดิมพันไม่เพียงพอ ชิปหรือเดิมพันที่เกิดขึ้นหลังจาก all – in นี้ จะถูกแยกเป็นเงินกองกลางสำรอง (Side pot) ถ้าหากผู้เล่นที่เทหมดหน้าตักชนะ จะได้ชิปแค่จาก Pot กลาง แต่ Side pot จะไม่ได้รับ เมื่อจบทุกกระบวนการ ดีลเลอร์จะเริ่มทำการเก็บไพ่เพื่อสับใหม่ เป็นอันจบ 1 เกมนั่นเอง
Omaha
โอมาฮ่า เป็นเกมไพ่โป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักพนันเหมือนกัน เพียงแค่รองลงมาจาก โฮลเอ็ม การเล่นรูปแบบนี้จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมขึ้นมาอีกนิดหน่อย กติกาส่วนใหญ่เหมือนโฮลเอ็มเลย คราวนี้ผู้เล่นจะมี Hold card (ไพ่บนมือผู้เล่น) ถึง 4 ใบ และไพ่กองกลาง (flop) จำนวน 5 ใบเช่นเดิม มีวิธีเล่นดังต่อไปนี้
- ก่อนเริ่มเกม – Big blind และ Small Blind ลงชิปเดิมพันเหมือนเดิม
- รอบแรก – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคน คนละ 4 ใบ จากนั้นผู้เล่นจะเริ่มวางเดิมพันได้ และเมื่อวางเดิมพันเสร็จ ก็จะเข้าสู่การเดิมพันรอบที่สอง
- รอบที่ 2 – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ 3 ใบลงบนโต๊ะเรียกว่า Flop ให้ผู้เล่นเดิมพันกันต่อ
- รอบที่ 3 – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ใบที่ 4 เรียกว่า Turn ผู้เล่นเดิมพันต่อ
- รอบที่ 4 – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ใบที่ 5 เรียกว่า River ผู้เล่นเดิมพันกันต่อ เมื่อเดิมพันเสร็จ ผู้เล่นจะต้องทำการเลือกไพ่มา 2 ใบ จาก 4 ใบบนมือ มาแทนที่ 2 ใบบนโต๊ะ ให้ได้แต้มมากที่สุด บังคับ 2 ใบเท่านั้น ห้ามเกิน หรือต่ำกว่า 2 ใบ
- จบรอบเกม – ดีลเลอร์ จะทำการเก็บไพ่สับใหม่ และเลื่อน Button ทิศทางตามเข็มนาฬิกา และจบรอบเกมเดิมพัน
7 Stud Poker
สตัด 7 เป็นเกมเดิมพันโป๊กเกอร์ที่พลิกแพลงมาจาก โป๊กเกอร์โฮลเอ็ม และโป๊กเกอร์โอฮาม่าอีกทีหนึ่ง โดยมีกติกาพื้นฐานเดียวกัน วิธีเล่น Poker สตั๊ด 7 ผู้เล่นจะได้รับไพ่คนละ 7 ใบ แต่ไม่มีการแจกไพ่กองกลางลงบนโต๊ะ เป็นการวัดกันระหว่างผู้เล่นโดยตรง ว่าไพ่ใครจะใหญ่ที่สุด มีผู้เล่นจำนวน 2 – 8 คน ไม่มี Big blind, Small blind ซึ่ง 7 Stud มีวิธีเล่นดังนี้
- ก่อนเริ่มเดิมพัน – ผู้เล่นทุกท่านจะต้องลงเงินเดิมพันจำนวนต่ำสุด 10% ของชิปเดิมพันต่ำสุด เรียกว่า Ante (เงินเดิมพันก่อนจะรับไพ่)
- รอบแรก – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ ให้ผู้เล่นทุกคน คนละ 3 ใบ 2 ใบคว่ำหน้า (2 Face down) และ 1 ใบหงายหน้า (Door card) หลักจากนั้นให้ผู้เล่นเริ่มทำการเดิมพัน โดยผู้เล่นที่มี Door card แต้มต่ำสุดจะเริ่มวางเดิมพันก่อน หรือทิ้งไพ่ ถ้าผู้เล่นเลือกทิ้งไพ่ จะให้คนที่อยู่ถัดไปทางซ้ายเริ่มวางเดิมพันแทน ต้องเดิมพัน 2 เท่าของ Ante เมื่อผู้เล่นทุกคนเดิมพันเสร็จสิ้น ก็จะเข้าสู่รอบถัดไป
- รอบที่สอง – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ใบที่ 4 หงายหน้า ชื่อเรียกว่า Fourth Street ผู้เล่นเดิมพันเช่นเดิม
- รอบที่สาม – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ใบที่ 5 หงายหน้า ชื่อเรียกว่า Fifth Street ผู้เล่นเดิมพันเช่นเดิม โดยรอบนี้เงินเดิมพัน จะต้องมากกว่าเงินเดิมพันรอบที่แล้วอย่างน้อย 2 เท่า
- รอบที่สี่ – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ใบที่ 6 หงายหน้า ชื่อเรียกว่า Sixth Street ผู้เล่นเดิมพันกันปกติ
- รอบที่ห้า – ดีลเลอร์ จะทำการแจกไพ่ใบที่ 7 คว่ำหน้า ชื่อเรียกว่า River ผู้เล่นเดิมพันกัน เสร็จสิ้นแล้ว ผู้เล่นที่ raise หรือผู้เล่นที่เพิ่มเงินเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะ จะต้องเปิดไพ่ หรือ Show down ก่อน แล้วตามด้วยผู้เล่นที่ call ตามเข็มนาฬิกาเปิดไพ่ วัดกัน 5 ใบ จาก 7 ใบ หาผู้ชนะการเดิมพัน
หากนักเดิมพันท่านใดที่ต้องการจะเล่นเกมไพ่ชนิดนี้ เราขอแนะนำให้ท่านเข้ามา สมัครเว็บพนัน ยูฟ่าเบท ของเรา เพราะเว็บไซต์ของเรามีเกมเดิมพันที่หลากหลายรูปแบบ เช่น บาคาร่าออนไลน์ ป๊อกเด้งออนไลน์ โป๊กเกอร์ออนไลน์ รูเล็ตออนไลน์ สล็อตออนไลน์ แทงบอลออนไลน์ แทงหวยออนไลน์ และเกมเดิมพันอื่น ๆ อีกมากมาย เล่นแล้วได้เงินจริง อีกทั้งยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับทุก ๆ สมาชิกเพื่อนำไปใช้ในการลงทุนอีกด้วย รับรองคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม